VDO การสอนคอร์ส Investment War Room โดยเซียนมี่

VDO การสอนคอร์ส Investment War Room วันที่ 2 ก.พ. 2565

 

โดยเซียนมี่ (อ. ทิวา ชินธาดาพงศ์)

 

 

      

       ภาพของปี 64 ที่ผ่านมา เริ่มมีนักวิเคราะห์มองว่า GDP อาจจะไปถึงขั้นที่ไม่บวกไม่ลบ หรือติดลบในบางเจ้า แต่โดยสรุปออกมาแล้วก็ค่อนข้างดีกว่าที่คิด ที่ค่อนข้างดีกว่าที่คิด เชื่อว่าจริงๆแล้วภาวะเศรษฐกิจของบ้านเราคงมีการอดทนอดกลั้นในการเตรียมจะใช้เงิน จะเห็นว่า GDP ปี 64 ก่อนหน้านี้เราก็คาดการณ์กันว่ามันจะโตสักประมาณ 0.7 พอเปิดเมืองมาโควิดสายพันธุ์เดลต้าเริ่มชะลอลงคนก็เริ่มปรับเป้าเป็น 1.1 บ้าง 1.2 บ้าง แต่พอมีโอไมครอน เชื่อว่าถ้าไม่มีโอไมครอน ตัวเลขอาจจะออกมาเป็นปีที่สดใส ถ้ามองไปถึงปีหน้าหรือปี 65 นักลงทุนส่วนใหญ่มองปีหน้าว่ายากแน่ๆ แต่ในมุมมองของ เซียนมี่ อ. ทิวา ชินธาดาพงศ์ ปี 65 กลับจะเป็นปีที่ไม่ได้ยากเท่าไหร่ เพราะทุกคนส่วนมากได้เตรียมตัวไว้แล้ว ถึงเรื่องที่ไม่ดีต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้น 

 

       จนถึงปัจจุบันนี้ คนส่วนมากเริ่มจะไม่ค่อยกลัวโควิดสายพันธุ์ใหม่แล้ว เศรษฐกิจการบริโภคในประเทศน่าจะฟื้นตัวได้เร็วกว่าที่ทุกคนคิด รวมๆแล้วเรายังอยู่ในช่วงต้นของการฟื้นตัวของ GDP สำหรับ Emerging Markets หรือหุ้นแถวประเทศไทยส่วนตัวยังมองว่าปีหน้า น่าจะเป็นปีที่ดีอีกปีหนึ่ง แต่จะเลือกหุ้นยัง เลือกหุ้นกลุ่มไหน ต้องใช้ฝีมือมากขึ้น จริงๆแล้วที่ผ่านมาหุ้นไทยที่เรามักบอกว่าแพง มันมีหุ้นที่ขึ้นเกิน 100% มีเกิน 100 ตัว สำหรับปีที่ผ่านมา การที่จะทำผลตอบแทน 20 – 30% ต่อปี ไม่ได้ถึงขั้นว่าทำไม่ได้เลยทีเดียว มันยังพอมีโอกาสอยู่ และไม่ได้แพ้หุ้นต่างประเทศ ก็ยังมีบรรยากาศของการเกร็งกำไร มีบรรยากาศของหุ้นที่น่าจะลงทุนได้ดี

 

 

         อีกตรีมหนึ่งที่น่าจะเห็นผลเยอะก็คือเรื่องของ Supply Disruption หลายคนก็มองว่า Supply Disruption มันอาจจะเกิดขึ้นแค่ชั่วคราวไหม หรืออาจจะเกิดขึ้นแบบถาวรไปเลย ส่วนความคิดของอาจารย์ทิวา ชินธาดาพงศ์ Supply Disruption ปีหน้าน่าจะคลี่คลาย แต่มันยังไม่ดีขึ้นมาก เพราะถ้าเราไปดูการลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ ทั่วโลกมีแนวโน้มที่ลดลงตลอดทาง เช่น ถ่านหินก็ลดลงเยอะมาก ซึ่งเวลามันลดลงแล้ว มันจะกลับมาเพิ่มค่อนข้างยากพอสมควร ถ้าเราศึกษาไปลึกกว่านี้ทั้งในรูปแบบของธนาคารจีน ธนาคารยุโรป เขาไม่มีแนวโน้มที่จะปล่อยกู้ให้กับสินค้าโภคภัณฑ์ แต่ความเป็นจริงกำลังการผลิตไฟฟ้าทั่วโลก ตอนนี้อยู่ที่ประมาณ 22 ล้านล้าน กิโลวัตต์ จึงไม่รู้ว่าจะรองรับการเติบโตได้มากน้อยแค่ไหน แต่กำลังการใช้ถ่านหินในอีกสิบปีข้างหน้า มันยังไม่สามารถลดลงได้ เพราะยังไม่สามารถมีพลังงานอื่นมาทดแทนได้ในระยะเวลาอันสั้น ธุรกิจที่จะพลิกกลับมาจากช่วงโควิดที่โดนผลกระทบมาเยอะและจะสามารถกลับมาได้เร็ว ส่วนตัวอาจารย์ทิวา ชินธาดาพงศ์ คิดว่าจะเล่นเป็นหุ้นกลุ่มเปิดเมือง หุ้นค้าปลีก หุ้นนิคมอุตสาหกรรมบางกลุ่มสำหรับเมืองไทยก็น่าสนใจ ตลาดเมืองไทยส่วนใหญ่วิธีการเล่นจะเล่นสลับกลุ่มไปเรื่อยๆ ยังคาดหวังว่าในปี 2565 จะเป็นปีที่มีโอกาสจะเป็นขาขึ้นจริงๆ  GDP เรากลับมาโต 3% กว่า ยังไม่ได้กลับไปที่เดิม GDP เราจะกลับไปที่เดิมได้คือปี 2566 

       เมื่อพูดถึงหุ้นจีน ในปีที่ผ่านมาค่อนข้างจะเหนื่อยพอสมควร ในระยะยาวมองว่าหุ้นจีนน่าสนใจ แต่จะเข้าไปให้ถูกจังหวะก็คงต้องใช้ทักษะเป็นตัวช่วย แต่หุ้นจีนหลังจากปีหน้าถ้ามีการปรับโครงสร้าง ปรับฐานความเชื่อน่าจะเป็นหุ้นที่น่าสนใจ หากไม่มีเหตุการณ์ที่เลวร้าย การลงทุนระยะยาวและน่าจะให้ผลตอบแทนเป็นหลายๆเด้ง น่าจะอยู่ในส่วนของหุ้นจีน ส่วนหุ้นอเมริกาต้องยอมรับว่าขึ้นมาแรง ขึ้นมาเร็วและมีธุรกิจใหม่ๆที่น่าสนใจเยอะ แต่ที่ไม่กล้าคือเขากำลังจะมีการขึ้นภาษี 2 – 3 ครั้งในปี 2565 เพราะอีกไม่นานก็จะเข้าสู่การเลือกตั้งแล้ว ไม่แน่ในปี 2565 โจ ไบเดน อาจจะกลับมาทำสงครามการค้ากับจีนต่อหรือไม่ ก็คงไม่ใช่เรื่องสนุกสำหรับเหล่านักลงทุน

 

   หากคุณต้องการเรียนรู้สถานการณ์สดๆ ทันต่อเหตุการณ์ โอกาสพิชิตการลงทุนก็อยู่แค่เอื้อม คอร์สนี้คือคอร์สสำหรับคุณ “Investment & Business Buffet (IB)” 

 

สามารถสมัครออนไลน์ได้แล้ววันนี้ https://csisociety.com/investment-buffet/