VDO การสอนคอร์ส Cryptocurrency Trends 2022 เมื่อวันที่ 24 เม.ย. 65
VDO การสอนคอร์ส Cryptocurrency Trends 2022
วันที่ 18/05/65
โดย อ.นิรันดร์ ประวิทย์ธนา
ในยุคแรกๆที่คริปโตเพิ่งเปิดตัวและเริ่มมีคนรู้จักคนมักจะเหมารวมว่า Cryptocurrency เป็นสินทรัพย์ประเภทเดียวกันหมด ในขณะที่พอเริ่มเห็นพัฒนาการของคริปโตมาเรื่อยๆ จะเริ่มแบ่งแยกหมวดหมู่ของคริปโตได้แล้ว คริปโตเป็นเหมือน Traditional Assets ที่เราสามารถจัดแบ่งหมวดหมู่มันได้ในหลายๆ Asset Class พยายามนิยามกลุ่มของสินทรัพย์ในโลกของคริปโตว่าแต่ละกลุ่มมันแตกต่างกันอย่างไร และมันมีการประเมินมูลค่าแตกต่างกันอย่างไรบ้าง อยากให้คนเริ่มมองเห็นคริปโตมีความหลากหลายมากกว่าเพียงแค่เป็นหมวดหมู่คริปโตอย่างเดียว
เพราะถ้าเป็นหมวดหมู่คริปโตอย่างเดียว การประเมินมูลค่าจะยากมาก แต่ถ้าเราเริ่มมองคริปโตเป็น Asset Class หลายๆแบบ เราจะเริ่มมองเห็นว่าคริปโตแต่ละประเภทมันมีมูลค่าที่แตกต่างกัน และมีการประเมินมูลค่าที่แตกต่างกันอย่างไรได้บ้าง
มาพูดถึงกลุ่มแรกก่อน หลายคนเคยถามว่าเราสามารถมองคริปโตเป็นเหมือนกับหุ้น ในแบบบริษัทจดทะเบียนในตลาดได้หรือไม่ ซึ่งยืนยันว่าคริปโตมีคาแรคเตอร์คล้ายกับหุ้นในบางประเภท หรือที่เรียกกันว่า Decentralized App (Dapps) Dapps คือเทคโนโลยีที่ถูกสร้างขึ้นมาอยู่บน Blockchain เทคโนโลยีเหล่านี้จะมี Service การให้บริการเฉพาะด้าน ไม่ว่าจะเป็น
กลุ่มธนาคาร เป็น Exchange เป็น Asset Management ธุรกิจต่างๆเหล่านี้มันเป็นธุรกิจที่มาแทนธุรกิจที่เป็น Traditional Business ยกตัวอย่างเช่น กลุ่มธนาคารเมื่อก่อนนี้เราเคยบอกว่าเวลาคุณฝากเงินใน Bank คุณได้ดอกไม่ถึง 1% แต่เวลากู้เงินเสียดอก 5 – 10% เมื่อโลกคริปโตพยายามจะสร้าง Decentralized Banking ขึ้นมาและคุณสามารถฝากเงินและกู้เงินได้โดยไม่ต้องมีตัวกลางอย่างธนาคารออกมา Dapps ที่เป็นธนาคารจึงเป็น Blockchain Business ตัวหนึ่งที่นำมาเทียบเคียงกับ Traditional Banking ดังนั้นรายได้ที่ธนาคารเคยได้ Dapps เหล่านี้ก็ย่อมได้ด้วยเหมือนกัน พอมันเป็นกลุ่มแบบนี้สิ่งที่เราเห็นคือเราจะประเมินธุรกิจนี้อย่างไร หลักการประเมินธุรกิจเปรียบเสมือนการประเมินมูลค่าหุ้น คือ 1.กำลังเลือกธุรกิจที่เป็น Closed Business รึป่าว ถ้าเป็นธุรกิจที่มีแนวโน้มจะเติบโต ในระยะยาวเรามองว่ามันจะเติบโตก้าวกระโดดเราจะยอมรับ PE ที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่บางธุรกิจอาจจะอยู่ในตลาดที่มีการแข่งขันมาก การแข่งขันรุนแรงจนกระทั่งตัวธุรกิจเองอยู่ได้ลำบาก ต้องอัดฉีดโปรโมชั่นเยอะๆ อัดฉีดงบการตลาดเยอะๆเพื่อกระตุ้นให้มันเกิด Transaction รึป่าว หัวใจสำคัญก็คือธุรกิจเหล่านี้เมื่ออัดฉีดแล้วมันจะสามารถเติบโตได้ไหม ยกตัวอย่างเช่น Angle ที่ตอนนี้มีคนใช้งานเยอะมาก มีคนมาฝากเงินหนึ่งหมื่นสามพันล้านเหรียญ เติบโตมาแค่ประมาณ 2 ปีเท่านั้นเอง แต่คนกู้เพราะดอกเบี้ยเงินกู้ถือว่าแพง ทำไมต้องกู้ Angle ด้วย ไปฝากเงิน Bank ธรรมดาไม่ดีกว่าเพราะเสีย
ดอกน้อยกว่า 11% ในขณะที่คนที่ฝากเงินหนึ่งหมื่นสามพันล้านเหรียญ มาฝากที่ Angle ได้ดอกตั้ง 20% จึงไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่จะไปฝากสถาบันการเงินทั่วไป ดังนั้นเลยทำให้มีแต่คนมาฝากเงิน ต้องทำความเข้าใจก่อนว่าคนฝากคือคนที่สร้างรายจ่ายให้คุณ คนกู้คือคนที่สร้างรายได้ให้คุณ สุดท้ายคนที่สร้างรายได้ให้คุณน้อยลง Angle อยู่ได้เพราะการอัดฉีดเพื่อให้คนมาใช้ ด้วยความหวังว่าวันหนึ่ง เมื่อ UST กลายเป็น Stablecion ที่เป็นอันดับหนึ่งของโลก สุดท้ายคนจะอยู่กับ Angle ได้โดยที่เขาไม่จำเป็นต้องอัดฉีดเหมือนเมื่อก่อน
ต่อมากลุ่มที่สองกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่เป็นเหมือนทองคำ เหรียญกลุ่มนี้ไม่ใช่ธุรกิจ เหรียญกลุ่มนี้เป็นเหมือน Token ถามว่าคนถือทองคำทำไมเหตุผลคือเงิน Fiat money มันถูกพิมพ์ออกมาเยอะมาก เมื่อเงิน Fiat money ถูกพิมพ์อกมาเยอะมากๆ ท้ายที่สุดแล้ว Money supply ล้นโลก ตามหลักเมื่อ supply มันมากขึ้นจึงทำให้คนเกิดความกังวลที่จะเกิดเงินเฟ้อขึ้น มันหมายถึงว่าถ้ารายได้ไม่มากเท่าการเติบโตของ Fiat money นั่นแปลว่าคุณกำลังจนลงเมื่อเปรียบเทียบกับใครคนใดคนหนึ่ง ดังนั้นคนเลยมองว่าควรจะมีสินทรัพย์อะไรสักอย่าง ในโลกของ Traditional ก็จะเป็นพวกทองคำ ในขณะที่ในโลกของคริปโตจะมองที่ Bitcoin
หากท่านใดสนใจคอร์สการเรียนรู้และมองหาโอกาสการลงทุนในตลาด Cryptocurrency คอร์สนี้คือคอร์สสำหรับคุณ “Cryptocurrency Trends 2022” รวมวิทยากรระดับแนวหน้าของเมืองไทยเพื่อมาอัพเดทเทรนด์ต่างๆในคริปโตในอีก 5 ปีข้างหน้า
สามารถสมัครออนไลน์ได้แล้ววันนี้ https://csisociety.com/trends2022/