3 หุ้นต่างประเทศที่น่าจับตามองในปี 2022

3 หุ้นต่างประเทศที่น่าจับตามองในปี 2022

 

โดย อ. กิตติศักด์ โควินท์ทวีวัฒน์

วันที่ 25 ม.ค. 2022

 

 

          อ. กิตติศักด์ จะมาแชร์ในแง่หุ้นที่น่าสนใจอยู่ 3 ตัว เป็นการแชร์เพื่อให้ทุกท่านไปศึกาาต่อ ไม่ได้เป็นการชี้นำว่าหุ้นน่าลงทุน หรือน่าซื้อตอนนี้ แต่อยากให้เป็นการแชร์แล้วให้ทุกท่านกลับไปคิดว่าเห็นด้วยกับ อ. กิตติศักด์ หรือไม่ แล้วฟีดแบคกลับมา

          นักลงทุนทุกท่านอย่างขายหุ่นเพียงพราะหุ้นตก จะขายหุ้นก็ต่อเมื่อหุ้นพื้นฐานไม่ดี หรือในทางตรงกันข้ามอย่าซื้อหุ้นเพราะหุ้นขึ้น ต้องซื้อหุ้นเพราะว่าธุรกิจกิจการดี ทุกครั้งการที่เราลงทุนในหุ้น นักลงทุนต้องควบคุมอารมณ์ให้ดีให้ได้ การที่หุ้นขึ้นอย่าดีใจเยอะเกินไป พอหุ้นลงก็อย่าเสียใจเยอะเกินไป เพราะว่าตอนที่เราทำอะไรมากไป หรือดีใจมากเกินไป อาจจะขาดสติ และจะมีโอกาสที่จะซื้อหุ้นและติดดอย ในทางตรงกันข้ามถ้าเสียใจมากเกินไป มีความกลัวมาเกินไป ก็จะขายหุ้น พอขายเสร็จก็มีโอกาสที่จะ Rebound กลับมาทำให้เรายิ่งเสียใจ 2 เด้ง ความแตกต่างของคนที่ประสบความสำเร็จในการลงทุน 10% กับอีก 90% ที่ไม่ประสบความสำเร็จ สิ่งที่แตกต่างคือ Mindset ถ้าเป็นนักลงทุน มองว่าเป็นเจ้าของธุรกิจ มองว่าต่อให้หุ้นขึ้นหรือลง ถ้าธุรกิจดีจริง ไม่ต้องไปสนใจปัจจัยภายนอก ถ้าเราสามารถถือมาได้ระยะยาว เชื่อมั่นได้ว่าการเป็นนักลงทุนจะทำให้เราสร้างผลตอบแทนได้ดี แต่นักเก็งกำไรต้องทำการบ้านทุกวัน ต้องมีอารมที่แปรผันไปกับตลาด อ. กิตติศักด์ อยากจะฝากไว้ว่าต้องแยกตัวเราให้ออกว่าเราเป็นนักลงทุนหรือนักเก็งกำไร

          ในดัชนี S&P 500 จะเห็นได้ว่าแดงกันถ้วนหน้า ไม่ว่าจะเป็น Netflix ที่ไม่ถึงเดือนลบไป 35.47% หรือ Briztech ก็ติดลบ หรือแม้กระทั่ง Microsoft Tesla และ Google ก็ติดลบกัน ภาพรวมแดงมีความน่ากังวล ความกลัวเกิดขึ้นในตลาด แต่เมื่อวานนี้ ดัชนี Nasdaq หุ้นจนถึงเที่ยงคืนติดลบประมาณเกือบ 5% แต่หลังจากนั้นมีสถาบันมาซื้อ จึงทำให้ Nasdaq กลับมาบวกได้ ซึ่งเป็นการ Rebound ครั้งนึงที่เยอะที่สุด ในแง่ของเปอร์เซ็นต์เทรด ที่ลบเกือบ 5% กลับมาบวกได้เกือบ 1% ตั้งเดือนตุลาคมปี 2008 ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่าการลงทุนของเรายังมีความหวัง หุ้นที่ลงเยอะๆ ถ้าเราเข้าลงทุนก็จะได้ผลตอบแทนที่ดี

          ชาร์ตนี้คือชาร์ตที่ทาง Bloomberg รวบรวมข้อมูลการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ตั้งแต่ปี 1954 ทั้งหมด 12 ครั้ง จะเห็นได้ว่าจากทั้งหมด 12 ครั้ง ผลตอบแทนที่เป็นบวกหลังจาก Fed ขึ้นดอกเบี้ยแล้ว จะเป็นบวกถึง 11 ครั้ง และผลตอบแทนเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 9% ต่อปี เช่น ปี 2015 ที่ Fed มีการปรับขี้นดอกเบี้ย ถ้าวัดจาก 2015 ดัชนี S&P 500 จะขึ้นมาทั้งหมดปีละ 8.4% เพราะฉะนั้นหมายความว่า ในระยะสั้นหลังจากที่ Fed ประกาศขึ้นดอกเบี้ยแล้ว ตลาดจะมีการปรับลง มีความกังวลเรื่องการขึ้นดอกเบี้ย และก่อนที่จะขึ้นดอกเบี้ยแน่นอนว่ายังบวกอยู่ แต่พอมีข่าวเรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ย ตลาดจึงมีการปรับตัวลงในระยะสั้น 3 เดือน 

          ตลาดหุ้นอเมริกาเริ่มลงตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว เพราะความกังวงเรื่องของการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed และการลด QE ตอนนี้ดัชนีลดลงไปเยอะ ในส่วนของตลาดหุ้นจีน อ. กิตติศักด์ มองว่าตอนนี้โอกาสค่อนข่างดี ปีที่แล้วรัฐบาลออกกฏควบคุมกวาดล้างมาเยอะ เศรษฐกิจตอน Covid-19 ดีก่อนประเทศอื่น ปีที่แล้วก็เริ่มชะลอตัวลง ปีนี้มีข้อดีคือมีดอกเบี้ยที่ยังมีโอกาสในการปรับลงได้ ล่าสุดได้มีการปรับดอกเบี้ยลง ทำให้ตลาดหุ้นกลับมาบวกถ้าต้องการกระตุ้นก็สามารถมีลูกเล่น คืออัตราดอกเบี้ย ในขณะที่ฝั่งอเมริกา ดอกเบี้ยต่ำอยู่แล้ว ไม่มีลูกเล่นเหมือนจีน เพราะฉะนั้นฝั่งจีน อ. กิตติศักด์ คิดว่าปีนี้หุ้นหลายๆ ตัวน่าสนใจโดยเฉพาะตัวที่ลงมาเยอะๆ 

          ด้านของการปรับดอกเบี้ยในปีนี้ อ. กิตติศักด์ คิดว่าจะมีการปรับดอกเบี้ยอย่างน้อยประมาณ 3 ครั้ง ที่เชื่อว่าน่าจะเป็นประมาณ 3 ครั้ง เพราะว่า Fed ขึ้นมากไม่ได้ ซึ่งถ้าขึ้นไปเยอะจะทำให้เศรษฐกิจเกิดการชะลอตัวลง สุดท้ายแล้วก็ต้องกลับมาลดดอกเบี้ย และมีการอัดฉีดเงินอีก เพราะฉะนั้นครั้งนี้จะเป็นครั้งนึงที่สำคัญ ที่ Fed ต้องดูอย่างระมัดระวังในการขึ้นดอกเบี้ยแต่ละครั้ง อาจจะไม่เหมือนในอดีตที่ผ่านมาที่เศรษฐกิจค่อนข้างโอเค ไม่ได้มีปัญหาเรื่องหลายๆ อย่าง ไม่ใช่เฉพาะอเมริกา แต่คือปัญหาทั่วโลก

 

          3 หุ้นต่างประเทศที่น่าจับตามองในปี 2022

          ปีนี้เชื่อว่าหุ้นจีนน่าจะกลับมาดีอีกครั้ง ปีนี้รัฐบาลจีนยังมีดอกเบี้ยที่เป็นตัวลูกเล่นอันหนึ่งที่จะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ และในแง่ของ Covid-19 คาดหวังว่าประมาณครึ่งปีหลังน่าจะมีข่าวดีสำหรับเศรษฐกิจฟื้นการเปิดเมืองสำหรับประเทศจีนมากขึ้น ทำให้ธุรกิจของจีนมีการ Rebound กลับมา คนที่ทำเกี่ยวกับ Tech โฆษณา และการส่งอาหาร น่าจะได้ประโยชน์ หรือแม้กระทั่งร้านอาหาร ปรับตัวขึ้นมาระดับหนึ่งแล้ว หุ้นพวกนี้ถ้าเศรษฐกิจ Rebound กลับมาเปิดร้านอาหารได้มาขึ้น จะทำให้ราคาหุ้นสะท้อนออกมาในทางบวกมากขึ้น 

 

          –  Tencent

          ธุรกิจใหญ่ของ Tencent คือ WeChat และ QQ ซึ่ง WeChat คือ โซเชียลมีเดียที่สามารถจ่ายเงินได้ ฝากเงิน และสามารถซื้อกองทุนได้ จุดที่น่าสนใจคือ มีผู้ใช้งาน 1.3 พันล้านคน แพลตฟอร์มนี้เป็นแพลตฟอร์มที่แข็งแกร่งมาก เพราะว่าเมื่อมีคนเข้ามาใช้งานมากขึ้นก็จะมีเซอร์วิส ที่เป็นนิมิโปรแกรม และเป็นอันดับ 1 ทาง Tencent มุ่งไปทาง Metaveres มียอดขายมีผู้เล่นมหาศาล เป็นทั้งคนทำเกมและมีทั้งแพลตฟอร์มเป็นของตัวเอง ในแง่ของโอกาสของการเติบโตทั้งในจีนและต่างประเทศมีโอกาสเติบโตได้ค่อนข้างดี ถึงแม้ว่าล่าสุดมีการออกกฎหมายให้เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี เล่นเกมน้อยลง จากที่ดูผลประกอบการพบว่าไม่ได้มีผลการกระทบมากเท่าไหร่ 

          –  Roblox

          Roblox เป็น Social Gaming Platfoem เหมือน Facebook บวกกับ Youtube ที่ให้คนเข้ามาคุยกันเป็นเครือข่ายสังคมและมีเครื่องมือให้นักพัฒนาสามารถสร้างเกมได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย User Generate Content (UGC ) ทำให้แพลตฟอร์มมี Network Effect มหาศาลโดยที่ต้นทุนการผลิตเกมไม่สูง Tools ใช้งานง่ายกว่าคู่แข่งอย่าง EPIC และ Unity

          –  Confluent

          Confluent เป็น โบรกเกอร์ที่เข้ามาช่วยจัดการ Application การวิ่งของข้อมูลใน Application จำนวนมหาศาลที่อยู่ในองค์กร และช่วยจัดการไม่ให้ data สูญหาย Confluent มีขนาดตลาดที่ใหญ่ $91,000 ล้านในปี 2024 และ Network Effect ในการใช้งานใน Application ในองค์กรของลูกค้า ยิ่งใช้  Application มากเท่าไหร่ยิ่งต้องการใช้งาน Confluent มากขึ้น และยังมี Switching cost พอมีการใช้งานมากขึ้นและเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จะเป็นเหมือนระบบประสาทที่คอยเชื่อมโยงแอปทั้งหมดในองค์กรให้สามารถพูดคุยกันได้และทำหน้าที่อื่นๆ

 

          หากคุณต้องการเรียนรู้สถานการณ์สดๆ ทันต่อเหตุการณ์ โอกาสพิชิตการลงทุนก็อยู่แค่เอื้อม คอร์สนี้คือคอร์สสำหรับคุณ “Investment & Business Buffet (IB)” 

 

สามารถสมัครออนไลน์ได้แล้ววันนี้ https://csisociety.com/investment-buffet/