VDO การสอนคอร์ส ส่องโอกาสลงทุนใน เหรียญตัวเทพ, DeFi & GameFi พร้อมเจาะลึกโอกาสลงทุนใน Axie Infinity
VDO การสอนคอร์ส ส่องโอกาสลงทุนใน เหรียญตัวเทพ, DeFi & GameFi พร้อมเจาะลึก
โอกาสลงทุนใน Axie Infinity
โดย อ. ศุภกฤษฎ์ บุญสาตร์
เมื่อวันที่ 16 ม.ค.65
ถ้าเปรียบเทียบ Internet ก็เป็นเหมือนกับ World information infrastructure เป็น Infrastructure ของโลกที่ส่งข้อมูล จะสังเกตเรามักใช้ Internet ในการส่งข้อความ ส่งอีเมล ส่งข้อมูล หรือส่งข้อมูลการสั่งซื้อหากันไปมา แต่ถ้าเป็นเรื่องการเงินมันจะไม่ได้ส่งเป็น Internet แบบที่เราเคยเป็น เมื่อยุคของบิตคอยน์เกิดขึ้นจึงได้สร้าง Infrastructure ตัวหนึ่งขึ้นมาที่เป็น Value Infrastructure เราจะสามารถส่งต่อมูลค่าหรือเงินผ่านทาง Internet ได้ในยุคนี้ทำให้เราเริ่มเห็นว่ามันคือ Infrastructure ระบบสมัยใหม่ บิตคอยน์เป็นตัวแรกที่เกิดขึ้นมาในช่วงปี 2008 จริงๆแล้วบิตคอยน์เกิดขึ้นเพื่อที่จะมาเป็นเงิน แต่ไม่ใช่เงินที่เรารู้จักทั่วไป เป็นเงินใน Internet ซึ่งปกติแล้วเงินมันคืออะไรก็ได้ที่สามารถสื่อสารกันได้ แต่มันจะต้องมีคุณสมบัติที่พร้อมทั้งหมด 3 ตัว คือเป็น Medium of exchange หรือสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน, เป็น Unit of account หรือเป็นหน่วยนับและเป็นตัวที่สามารถเป็น Store of value ได้ก็คือเป็นตัวที่เก็บมูลค่าได้นั่นเอง ถ้าเราได้อ่านหนังสือ Bitcoin Standard ที่ อ. พิริยะ เป็นผู้เขียน เราจะเห็นภาพว่าจริงๆแล้วเงินมันเป็นอะไรก็ได้และมันรักษามูลค่าอย่างไรได้บ้าง ให้นึกภาพคนที่ตกปลาทุกวันๆ สิ่งที่เกิดขึ้นคือทักษะ มันคือ Skill set เวลาที่มี Skill set เพิ่มมากขึ้น คนที่ตกปลาได้จึงสามารถทำให้ Productivity มันเพิ่มมากขึ้นมากกว่า Consumption rate อธิบายง่ายๆคือในอดีตเราไม่สามารถที่จะให้ปลาเก็บมูลค่าของสิ่งที่เราเรียกว่า Productivity ได้ เพราะฉะนั้นเงินจึงเกิดขึ้นมาเพื่อกักเก็บ Productivity ที่เกิดขึ้น เมื่อ Transfer ตัว Productivity ลงไปในเงิน แล้วเงินเป็นที่ยอมรับในชุมชน จึงไม่จำเป็นต้องไปตกปลาทุกวัน
ในโลกของการเงินมี Hard Money กับ Fiat Money คำว่า Hard Money เปรียบเทียบคือทองในยุคก่อน ส่วน Fiat Money มันก็คือเงินตราที่เราใช้เรากินในชีวิตประจำวัน ตัว Hard Money คือตัวเงินที่มันรักษามูลค่าในตัวเองได้ มันไม่เสื่อมไปตามกาลเวลาและไม่สามารถถูกผลิตเพิ่มขึ้นเองได้ ในขณะที่ Fiat Money รัฐจะพิมพ์ออกมาเท่าไหร่ก็ได้ มันคือตัวเล่ามาว่าทำไมบิตคอยน์ถึงเป็นตัวที่มีความสำคัญในระบบ Cryptocurrency เพราะตัวบิตคอยน์มันเปรียบเสมือนทอง แต่ทองมีข้อจำกัดหลายอย่าง จึงทำให้ Fiat Money เข้ามาแทนที่ในยุคหนึ่งสมัยหนึ่ง จริงๆแล้วเงินในโลกของ Internet ไม่ได้มีแค่บิตคอยน์ยังมีอีกหลายตัวที่พยายามทำ แต่มันแก้ไม่ได้ แต่บิตคอยน์สามารถแก้ 2 ปัญหาหลักได้ที่ตัวอื่นทำไม่ได้ ก็คือ Double Spend และ Peer to Peer คือยังคงคุณสมบัติที่เงินกระดาษมี จึงกลายเป็นสาเหตุว่าทำไมคนที่อยู่ในตลาดมืดถึงเอาบิตคอยน์ไปใช้ในช่วงแรกๆ เพราะตัวบิตคอยน์มันมีคุณสมบัติเหมือนเงินกระดาษจริงๆหรือมีลักษณะที่เหมือน Peer to Peer คือทำ Transaction โดยที่ไม่ต้องอาศัยคนกลาง ทั้งนี้ทั้งนั้นคุณสมบัติเหล่านี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย ถ้าไม่มีเทคโนโลยี ที่เราเรียกว่า Blockchain ซึ่ง Blockchain มีเทคโนโลยีหนึ่งที่เรียกว่า Distributed Ledger คำว่า Ledger หากแปลตรงตัวก็คือบัญชีแยกประเภทเพื่อแสดงสถานะทางการเงิน ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงหรือมีการแก้ไขมันจะสามารถเช็คได้หมดเลย ให้เราคิดแบบนี้ Distributed Ledger ให้เปรียบเทียบ 1 บรรทัดที่เกิดขึ้น มันคือ 1 กล่อง หรือ 1 Block เพราะฉะนั้นถ้าเทียบกับ Blockchain ของบิตคอยน์ เขาบอกว่า Block Time ของบิตคอยน์มันคือทุกๆ 10 นาทีสร้างอยู่ 1 กล่อง ก็ให้เราเข้าใจความหมายว่าทุกๆ 1 บรรทัด มันจะสร้างและใช้เวลา 10 นาทีในการเขียน 1 บรรทัด เพราะฉะนั้นพอครบ 10 นาทีถึงจะเขียน 1 บรรทัดเสร็จ จะเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆและจะมีตัวที่เราเรียกว่าตัวเช็คซ้ำ ซึ่งเราเรียกว่า Cryptographic Hash เจ้าตัว Cryptographic Hash ก็คือสมการทางคณิตศาสตร์ที่เวลาเราใส่ Input อะไรเข้าไปมันจะได้ Output ของมันออกมาเหมือนเดิม
ถ้าเราพูดถึงการ Mining ให้ทุกคนเข้าใจแบบนี้ว่าการคำนวนที่เราเรียกว่า Mining แล้วเราได้ Block Reward กลับมามันคือการย้อนสมการของ Hash นั่นเองเพื่อให้ได้ค่า Input เพราะฉะนั้นคนที่เป็น Miner ที่มาขุดบิตคอยน์ ไม่ใช่เป็นจับกังที่มาใช้แรงงานจริงๆเขาใช้สมองในการที่จะ reverse ค่าของ Hash เพื่อให้ได้รู้ว่าตกลง Input มันคือะไร ต่อมาเมื่อพูดถึง Thailand Market ในภาพรวมของ Thailand Market เรื่องของภาษีที่เป็นประเด็นในปัจจุบัน เพราะคนส่วนมากเริ่มเห็นว่าตลาด Cryptocurrency โตเร็ว ในมุมของ อ. ศุภกฤษฎ์ บุญสาตร์
คิดว่าการที่เสียภาษี มันเป็นการทำให้เราขึ้นมาอยู่บนที่แจ้ง ซึ่งเราควรจะเสียภาษีเพราะมันคือการทำให้เราเข้ามาอยู่บนที่ที่ถูกกฎหมาย คนที่เป็นรายย่อยจะไม่ได้รับผลกระทบเลย คนที่จะเสียผลประโยชน์ตรงนี้ก็คือ Exchanges เพราะว่า Exchanges ไม่สามารถขึ้น Transaction มากกว่านี้ได้
หากท่านใดสนใจคอร์สการเรียนรู้และมองหาโอกาสการลงทุนในตลาด Cryptocurrency คอร์สนี้คือคอร์สสำหรับคุณ “Cryptocurrency Trends 2022” รวมวิทยากรระดับแนวหน้าของเมืองไทยเพื่อมาอัพเดทเทรนด์ต่างๆในคริปโตในอีก 5 ปีข้างหน้า
สามารถสมัครออนไลน์ได้แล้ววันนี้ https://csisociety.com/trends2022/