ยูเครน และ สถานการณ์เงินเฟ้อ
ยูเครน และ สถานการณ์เงินเฟ้อ
โดย อ. วิน พรหมแพทย์
ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานลูกค้าไฮเน็ตเวิร์ธ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา
วันที่ 4 มี.ค. 2022
ข้อมูลจากทาง BlackRock มีการประเมินเรื่องของดัชนีความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ พบว่ามีตัวเลขเพิ่มขึ้นมาแรงมากจากเรื่องของยูเครน ขึ้นมาได้เท่ากับตอนเกิด COVID-19 ก็ถือว่าไม่ธรรมดา ขึ้นมาแรงมากและเรื่องนี้คาดเดาสถานการณ์ได้ยากมากว่าจะไปทางไหน เพราะว่าเป็นเรื่องของการเมือง ต้องยอมรับว่านี่เป็นความเสี่ยงที่เข้ามาถือว่ารุนแรง ปีนี้เจอไป 2 เรื่องแล้ว ต้นปีเปิดมาก็เจอเรื่องเงินเฟ้อกับ Fed ขึ้นดอกเบี้ย ต่อมาก็เจอเรื่องรัสเซียยูเครน
เหตุการณ์ตอนนี้ที่รัสเซียกระทบอะไรกับตลาดการเงินบ้าง ?
– ราคาตราสารหนี้รัสเซียสกุล USD ลงไปแรง ซื้อ-ขายประมาณ 70 % เป็นราคาที่สะท้อนภาวะที่ตราสารหนี้แย่เต็มทีแล้ว ล่าสุดกระทรวงคลังรัสเซียประกาศว่าผู้ถือตราสารหนี้สกุล USD ยังสามารถซื้อ-ขายในตลาดรองได้ และยังมีสิทธิรับคูปองและเงินต้นคืนจนถึง 25 พฤษภาคม 2022
– สภาพคล่องในตลาดตราสารหนี้เบาบางมาก กังวลความเสี่ยงที่รัสเซียอาจประกาศไม่ชำระหนี้นักลงทุนต่างชาติ
– Fitch , S&P , Moody’s พร้อมใจกันประกาศระดับเครดิตลงเป็น B, CCC- , และ B3 ตามลำดับ แม้ Debt/GDP ต่ำกว่า 20% และมีทุนสำรองเทียบเท่า 17.4 เดือนของมูลค่าการส่งออก
– ราคาตราสารหนี้ได้สะท้อนระดับ Distressed ไปแล้ว
– MSCI , FTSE Russel , Stoxx พร้อมใจกันประกาศเอาหุ้นรัสเซียออกจากดัชนี
ซึ่งเรื่องรัสเซียและยูเครนทำให้ผู้ร้ายต้นปีคือเรื่องเงินเฟ้อ กับ Fed ก็มีท่าทีที่เปลี่ยนไป เงินเฟ้อยังเป็นผู้ร้ายอยู่เพราะว่าราคาน้ำมันขึ้นมาเยอะทำให้เงินเฟ้อจะยังเป็นปัญหายิ่งใหญ่ของเราไปอีกนานสำหรับปีนี้ แต่ว่าเงินเฟ้อมาพร้อมกับเศรษฐกิจที่ฟื้นช้าลง การค้าโลกที่หยุดชะงักและความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในรัสเซียยูเครนก็จะมีผลกับเศรษฐกิจโดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุโรปซึ่งจะส่งผลค่อนข้างมากเศรษฐกิจก็จะฟื้นไม่ดีกว่าที่เคยดาดไว้ นักลงทุนลดระดับการคาดการณ์ว่า Fed จะขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้จาก 7 ครั้ง เหลือ 5 ครั้งในขณะที่ 10Y Yield ปรับลงจากความกังวลสถานการณ์ Ukraine
BlackRock มองว่าตลาดคาดการณ์การขึ้นดอกเบี้ยของ Fed และ ECB มากเกินไป แนะนำให้ใช้ภาวะตลาดหุ้นผันผวนเป็นโอกาส Overweight ตลาดหุ้น
กองทุนแนะนำตามระดับความเสี่ยง ประจำเดือนมีนาคม 2022
จากภาพซ้าย กลาง ขวาคือแล้วแต่ความเสี่ยงที่แต่ละท่านจะรับได้ ท่านใดที่คิดว่าสถานการณ์ตอนนี้แย่ ไม่กล้าลงทุนสินทรัพย์เสี่ยง แนะนำว่าอาจจะมาตรงตราสารหนี้ แนะนำ KFSMART เป็นตราสารหนี้ระยะสั้น ลงทุนสั้นๆ ถือว่าเป็นที่พักเงินที่ดีในเวลาแบบนี้ ที่แนะนำ KFSMART เนื่องจากให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 5 ปี เฉลี่ย 1.34% ต่อปี สูงกว่าผลตอบแทนจากดอกเบี้ยเงินฝาก และมีความผันผวนต่ำ ส่วนตรงกลางถ้าใครคิดว่าจังหวะแบบนี้น่าสนใจที่เราจะโยนเงินในตราสารหนี้ มีความเสี่ยงบาง แต่ว่ามีการกระจายหลากหลายสินทรัพย์ ความปั่นป่วนของราคาน้อยกว่ากองทุนที่เป็นหุ้นล้วน และมีคนจัดแจงซื้อขายหุ้นให้ ไม่ต้องลงมือทำเอง แนะนำ KFCORD เนื่องจาก KFCORD มีการกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลายหลายทั่วโลก ปรับพอร์ตแบบ Dynamic โดยทีมงานมืออาชีพของ BlackRock ทำผลตอบแทนสะสมนับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนถึง 31 Dec 2021 ได้มากกว่า 7% และอย่างสุดท้ายทางด้านขวาถ้าใครที่มีความสนใจและมีความเชื่อมั่นว่าเรารับความเสี่ยงเยอะ และคิดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นโอกาสของการลงทุน ทางกรุงศรีแนะนำ KFCTBER เนื่องจาก KFCTBER โอกาสการเติบโตจากการกระจายการลงทุนในบริษัทที่เกี่ยวข้องกับ Cyber Sesurity และมีการคาดการณ์ว่าตลาด Cyber Sesurity จะเติบโตที่ระดับ 12.6% ต่อปี จนถึง 2573 มีโอกาสเติบโตจากการกระจายการลงทุนในบริษัทที่เกี่ยวข้องกับ Cyber Sesurity
ถึงแม้ว่าเงินเฟ้อจะค่อนข้างรุนแรงในต่างประเทศ แต่ทางนักวิจัยกรุงศรีมองว่า เงินเฟ้อเมืองไทยจากที่ขึ้นมาสูงในช่วงครึ่งปีแรก และก็จะค่อยๆ แผ่วลงครึ่งปีหลัง ซึ่งทำให้คาดว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน คงนโยบายถึงสิ้นปี ทำให้ทิศทางดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ กองทุนตราสารหนี้จึงมีโอกาสให้ผลตอบแทนสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก
หากคุณสนใจต้องการรับสิทธิ์พิเศษ และรับชมย้อนหลังได้ทุกการบรรยายผ่านช่องทางออนไลน์ กับโครงการคอร์สการลงทุน CSI ซึ่งได้รวบรวมและจัดหลักสูตร CSI-Pack กว่า 400 คอร์สการลงทุน
**พิเศษ! คอร์ส CSI-Pack สมาชิกรายเดือน เพียง!! 1,990 บาท จากปกติ 5,900 บาท ลงทะเบียนแล้วเริ่มเรียนได้ทันที
สามารถสมัครออนไลน์ได้แล้ววันนี้ https://csisociety.com/csi-pack/