“หุ้นจีน”  วันเสาร์ที่ 8 กรกฎาคม 2566  9.00 – 16.00 น.

อ.ทิวา ชินดาธาดาพงศ์ (เซียนมี่)   

อ.Jian FengLian (เฮียเหลียน)

 

Why should we INVEST?

• ภาพโดยรวมเกือบทั่วโลกพบว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ PMI ยังคงอยู่ในระดับหดตัว ยกเว้นจีนที่กลับมาสู่โซนขยายตัว
• สัญญาณที่ชัดเจนของ Purchasing Manager Index (PMI) ของเอกชนจีน พบว่ามีการขยายตัวอย่างมีนัยสำคัญทั้งภาคการผลิตและภาคการบริการ
• ธนาคารกลางของจีน PBOC ยังไม่ได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเป็นรูปธรรม แต่ยอดสินเชื่อกลับขยายตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว และได้พุ่งเป็นประวัติการณ์ทำสถิติใหม่ไปแล้ว
• ปัญหาใหญ่…หนี้ภาคอสังหาฯ เริ่มคลี่คลาย หลังทางการจีนได้เข้ามาให้ความช่วยเหลือ อัตราการผิดนัดชำระหนี้ (China Debenture Default) มีแนวโน้มลดลง สภาพคล่องในตลาดสินเชื่อเริ่มกลับมา สะท้อนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ชัดเจน

KEY TAKEAWAYS:

• *** สำคัญที่สุด… Valuation ยังถูกกว่าหลายตลาดทั่วโลก แต่การเจริญเติบโตยังอยู่ในระดับที่สูงอยู่
• *** บวกกับ… Fund Flow ต่างชาติเริ่มกลับเข้ามาสะสมหุ้นจีนอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ที่จีนมีข่าวเปิดประเทศอย่างเป็นทางการ

“หุ้นอเมริกา”  วันเสาร์ที่ 15 กรกฎาคม 2566  เวลา 9.00 – 16.00 น. 

อ.อลงกฏ มโนรุ่งเรืองรัตน์

อ.ชยนนท์ รักกาญจนันท์ (Mr. Messenger)

ชาร์ลส์ ดาร์วิน  นักธรรมชาติวิทยาชาวอังกฤษ เคยกล่าวไว้ว่า

“สิ่งมีชีวิตที่ปรับตัวได้ดีกว่ากับสภาพแวดล้อมในแต่ละพื้นที่และในแต่ละช่วงเวลา จะอยู่รอดและให้ลูกหลานที่ปรับเปลี่ยนต่อไป”

เช่นเดียวกับ…ตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา ที่จะคอยปรับตัวสอดรับกับความเปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์ในโลกใบนี้อยู่ตลอดเวลา ซึ่งทำให้ตลาดหุ้นนิวยอร์กเจริญเติบโตอย่างแข็งแกร่งจนมีอายุมามากกว่า 230 ปี

Why should we INVEST?

• Earning per Share ใกล้จุดต่ำสุด แสดงถึงราคาหุ้นอเมริกา…ใกล้จุดต่ำสุดแล้ว (bottom)
• แม้ว่าความเสี่ยงเรื่องเศรษฐกิจซบเซา (Recession) ยังสูง แต่เริ่มมีพัฒนาการเชิงบวกในภาพเศรษฐกิจขึ้นมาบ้างแล้ว
• ตลาดหุ้นที่มี “หุ้นเทคโนโลยี่ในระดับ Super Stocks” อยู่มากที่สุด เช่น แอปเปิ้ล เทสล่า อเมซอน ซึ่งนั่นหมายถึง หุ้นที่แข็งแรงมากๆ…และยังสามารถเติบโตได้ต่อไปอีกหลายปีหรือหลายสิบปีข้างหน้า
• หุ้นที่มี “ความสามารถในการครอบครองและผูกขาดตลาด โดยไม่ให้โอกาสคู่แข่งเข้ามาแข่งขันได้” อาทิ VISA, MasterCard เป็นต้น
• หุ้นที่มีความสามารถในการกำหนดและขึ้นราคาได้ ในขณะที่ผู้บริโภคก็ยังคงซื้อสินค้าเหล่านี้ต่อไป อาทิ Apple, Starbucks, P&G เป็นต้น

KEY TAKEAWAYS:

• *** เศรษฐกิจอเมริกา ยังเสี่ยงถดถอย เปิดโอกาสสะสมหุ้น ซึ่งอาจจะอยู่ในช่วง 1H23 หรือ 2H23 เท่านั้น
• *** แม้ว่าปัญหาเงินเฟ้อจะยังคงอยู่ แต่ก็เริ่มชะลอตัวบ้างแล้ว และงบดุลภาคเอกชนยังคงแข็งแกร่ง  ขณะที่ภาคบริการแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก

“หุ้นเวียดนาม”  วันเสาร์ที่ 22 กรกฎาคม 2566  เวลา 9.00 – 16.00 น.

อ.ทิวา ชินธาดาพงศ์ (เซียนมี่) 

อ.เจ๊กกี้ – สุธน สิงหสิทธางกูร

 

Why should we INVEST?

• GDP ของเวียดนามมีโอกาสเติบโตสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลก คาดการณ์ว่าอยู่ในระดับที่ไม่น่าจะน้อยกว่า 6.5% สูงที่สุดในกลุ่มประเทศอาเซียน
• Valuation ถูกกว่าหลายตลาดทั่วโลก แต่การอัตราเติบโตก็ยังคงอยู่ในระดับที่สูงมาก
• เม็ดเงินการลงทุนทางตรง FDI ไหลเข้าเวียดนามอย่างต่อเนื่อง
• การเติบโตขึ้นของสังคมเมืองอย่างรวดเร็ว หนุนการบริโภคให้เติบโตขึ้นมาก
• อัตราการเติบโต EPS หุ้นเวียดนามในระยะยาว น่าจะมากกว่าไทยเท่าตัว (คาดว่าปี 2026 EPS ไทยจะอยู่ที่ 7.84% เวียดนามที่ 22.75% – Bloomberg)
• ตลาดหุ้นโฮจิมินห์ ตลาดหุ้นฮานอย รวมกันเป็นตลาดเดียว เพิ่มสินค้า เพิ่มขนาดของตลาด และเพิ่มปริมาณการซื้อขายอย่างมาก
• คู่ค้าหลักยังคงเป็นสหรัฐอเมริกา แต่การค้าขายกับจีนพบว่า มีอัตราการเจริญเติบโตแบบก้าวกระโดด
• ส่วนใหญ่ของตลาดกลุ่มสินค้าประเภท Financial, Real Estate และ Consumer
• กลุ่ม Finance จะได้ประโยชน์หลังเศรษฐกิจผ่านจุดต่ำสุด

KEY TAKEAWAYS:

• *** ราคาลงแบบ Panic Valuation อยู่ในระดับ Deep Discount ในรอบหลายปี
• *** Valuation: PE ดัชนี VN30 อยู่ในโซนที่ถูกที่สุดในรอบปี และพบว่านักลงทุนต่างชาติยังคงสะสมหุ้นเวียดนามอย่างต่อเนื่อง
• *** ปัจจุบันตลาดหุ้นเวียดนามถูกจัดอยู่ในกลุ่มตลาดหุ้นชายขอบ (Frontier Market)  ซึ่งคาดว่าจะมีการปรับเข้ากลุ่มตลาดหุ้นเกิดใหม่ (Emerging Market) ในระยะเวลา 2-3 ปี  หากเกิดขึ้นจริง ก็จะมีเม็ดเงินจำนวนมหาศาลไหลเข้าตลาดหุ้นเวียดนาม
• *** สำคัญที่สุด… หลังจากเหตุการณ์ประธานาธิบดีลาออก ก็เกิดการปราบคอรัปชั่นครั้งใหญ่ และสร้างความผันผวนต่อตลาดระยะสั้น แต่จะส่งผลดีต่อตลาดในระยะยาวอย่างมาก

หมายเหตุ :

** เวลาเรียนและวิทยากร อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม