แนวโน้มหุ้นไทย โค้งสุดท้ายปี 64

แนวโน้มหุ้นไทย โค้งสุดท้ายปี 64

 

โดย อ.เผดิมภพ สงเคราะห์ 

วันที่ 13 ธ.ค. 2021

 

 

          อาจารย์ เผดิมภพ พูดถึงประเด็นของ แนวโน้มหุ้นไทย โค้งสุดท้ายปี 64 ว่าทิศทางจะเป็นอย่างไร และวันนี้ทาง Fund Manager คิดอย่างไร คิดยังไงกับความสัมพันธ์ของปัจจัยเสี่ยงที่เกิดขึ้น

 

          ก่อนหน้านี้คนจะกังวงลเรื่องของปัจจัยเงินเฟ้อในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา แต่ว่าช่วงของเดือนพฤศจิกายนที่ออกมาล่าสุดปรากฎว่าความสำคัญลดลง แต่ยังคงเป็นอันดับ 1 แต่ว่าความสำคัญในเรื่องของนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ ก็ถือว่าเริ่มมีทิศทางที่เพิ่มขึ้นคือความกังวล ส่วนเรื่องอื่นเป็นประเด็นรอง โดยเฉพาะที่ทุกคนกลัวเรื่องของ Covid-19 ณ วันนี้เพิ่มขึ้นก็จริงแต่ว่าเป็นตัวเลขที่ไม่ค่อยมากนัก กับความกังวลเรื่องของ Fund Manager นี่คือผลสำรวจของทาง Bank of America

 

          ตอนนี้ทุกคนก็ยังกังวลเล็กๆ ว่าทางฝั่งของ Omicron ซึ่งตอนนี้ก็คือในภาพของสิ่งที่ทุกคนกลัวกัน กลัวว่าจะเกิดปัญหาในเรื่องของการลงทุน ปรากฎว่าตอนนี้มีทั้งบวก ทั้งลบ ทางบวกล่าสุดเป็นเรื่องของการที่ไฟเซอร์ (Pfizer) ออกมาให้ข่าวว่ามีโอกาสที่การฉีดวัคซีนเข็มบูสเตอร์ หรือ เข็มที่ 3 น่าจะป้องกันสายพันธุ์ Omicron ได้ ทาง Deutsche Bank ได้ทำบทวิเคราะห์ออกมาว่า ณ วันนี้ถึงแม้ผู้ติดเชื้อจะเพิ่มขึ้นก็ตาม แต่ว่าผู้เสียชีวิตจะไม่เพิ่มขึ้นตาม

 

         ในภาพของเศรษฐกิจในวันนี้ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจของโลกคือตัวเลขของ Manufacturing PMI ซึ่งเป็นการสำรวจของทาง J.P.Morgan สังเกตว่าตัวเลขของการผลิตของผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อที่สำรวจปรากฎว่าเคยสูงถึง 55 แต่ตอนนี้ก็เริ่มลดลง เดือนพฤศจิกายนล่าสุดก็เริ่มทรงตัว ตัวเลขประกอบอื่นๆ สังเกตได้ว่าค่อนข้างที่จะไม่ไปในทางเดียวกันบางอันก็เพิ่ม บางอันก็ลง แต่ตัวที่ดีคือเรื่องของเงินเฟ้อในเรื่องของผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อทั้ง Input Price และ Output Price เป็นตัวชี้นำว่าเงินเฟ้อจะลง ซึ่งปรากฏว่าลง ตอนนี้เงินเฟ้ออาจจะเป็นตัวเลขที่คนไม่ค่อยกังวลเท่าไหร่ คนจะกังวลเรื่องของสภาพคล่องของต่างประเทศมากกว่า สิ่งที่น่ากลัวตอนนี้คือการลดขนาด QE ก่อนหน้านี้คนมีความกังวลว่าจะลดเพิ่มขึ้น ส่วนในเรื่องของดอกเบี้ย ทางธนาคารกลางสหรัฐฯ คาดว่าจะขึ้นดอกเบี้ยในปีหน้าถึง 3 ครั้ง 

 

 

          เรื่องของ Fed Fund Futures หรือ CME FedWatch Tool สังเกตว่าวันประชุมที่ 15 ธันวาคม ตอนนี้ 100% ไม่เพิ่ม แต่ว่าในเดือนพฤษภาคมเป็นต้นไป จะขึ้นดอกเบี้ย 1 ครั้ง 44% และ 13.% บอกขึ้น 2 ครั้ง และในวันที่ 21 กันยายน จะเป็นการขึ้นครั้งที่ 2 34.5% ถัดมาเป็นวันที่ 14 ธันวาคม จะขึ้นครั้งที่ 3 โดยสรุปแล้วคือจะมีการขึ้นดอกเบี้ยวันที่ 4 พฤษภาคม , 21 กันยายน และวันที่ 14 ธันวาคม นี่มุมมองในการซื้อขายในตลาด Fed Fund Futures 

 

 

          ประเทศไทยต่อจากนี้ไปในภาพของตัวเลขเศรษฐกิจไทยจะเป็นตัวขับเคลื่อนของหุ้น ทางธนาคารแห่งประเทศไทยจะมีการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจประจำเดือนพฤศจิกายน ในวันที่ 30 ธันวาคม ซึ่งถ้าวันที่ 30 ธันวาคมตัวเลขออกมาดีต้นปีหุ้นจะขึ้น สังเกตจากตัวเลขของเดือนตุลาคม ของภาคการบริโภค ถ้าดูเป็นการเปรียบเทียบของเดือนตุลาคมปีต่อปี ติดลบ แต่เดือนต่อเดือนบวกขึ้นมา 1.6% ตัวเลข PCI ในเดือนตุลาคมเพิ่มขึ้น สินค้าไม่คงทนมีการลดลงเล็กน้อย สินค้ากึ่งคงทนมีความทรงตัว สินค้าคงทนเพิ่มขึ้นเร็วมาก และทางด้านภาคบริการ การท่องเที่ยวก็เพิ่มขึ้น ณ ตอนนี้รัฐบาลพยายามอัดฉีด แต่ปีนี้อาจจะไม่มีเรื่องของการลดย่อยภาษีในเรื่องการช้อปปิ้ง เพราะว่าเป็นเดือนสุดท้ายของปี คราวๆ คนที่จะเป็นตัวนำในการที่จะเข้าไปซื้อ หรือทำให้การบริโภคเพิ่มขึ้นอยู่ที่รายจ่ายประจำของภาครัฐบาล ส่วนตัวที่ดูไม่ดีจะเป็นส่วนของรายได้เกษตรกรจะสังเกตได้ว่ามีการลงนิดนึง แสดงว่าในภาพของการบริโภคทั้งหมด อ.เผดิมภพ มองว่าอาจจะไม่ค่อยมีน้ำหนักในการที่จะฟื้นตัวได้มากนัก แต่ตัวที่อาจจะเพิ่มขึ้นก็คือการบริโภคสินค้าไม่คงทน 

 

หุ้นแนะนำ

  • กลุ่มที่ดีไปแล้ว และราคาหุ้นอาจจะขึ้นไม่เยอะก็จะเป็น Property Sector หรือกลุ่ม Banking Sector
  • กลุ่มที่ดีระยะกลางก็จะเป็นกลุ่ม Automotive Sector
  • กลุ่มที่เคยแย่มาก่อนแล้วกำลังจะฟื้นตัวจะเป็น Commerce Sector

 

 

 

          หากคุณต้องการเรียนรู้สถานการณ์สดๆ ทันต่อเหตุการณ์ โอกาสพิชิตการลงทุนก็อยู่แค่เอื้อม คอร์สนี้คือคอร์สสำหรับคุณ “Investment & Business Buffet (IB)” 

 

สามารถสมัครออนไลน์ได้แล้ววันนี้ https://csisociety.com/investment-buffet/