หรือปีนี้ดอลล่าร์ จะมาแทนที่บิทคอยน์

โดย หญิงไม่อยากดอย

ในช่วงที่ผ่านมาราคาบิทคอยน์ได้ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมาก เป็นที่ดึงดูดให้นักลงทุนจำนวนมาก จากทั้งตลาดทุนเดิม หรือแม้แต่นักลงทุนหน้าใหม่ที่ไม่เคยลงทุนในสินทรัพย์ประเภทอื่นมาก่อน ได้ก้าวเข้ามาลงทุนในตลาดคริปโทฯ เนื่องมาจากผลของความร้อนแรงของตลาด และผลตอบแทน

 

…ทำไมต้องบิทคอยน์

Digital currency group (DCG) ซึ่งเป็นบริษัทที่จัดตั้งขึ้นมาเพื่อประกอบธุรกิจการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับ สินทรัพย์ดิจิทัล และ บล็อกเชน โดยมีบริษัทย่อยคือGrayscale บริษัทที่มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการเพื่อลงทุนในบิทคอยน์ ณ วันที่ 23/03/21 มากถึง $35.8B หรือคิดเป็นการถือครองบิทคอยน์จำนวนกว่า 655,000 บิทคอยน์เลยทีเดียว

ผลการสำรวจของ DCG  ในปีที่ผ่านมาได้แสดงให้เห็นว่าสาเหตุหลักที่ดึงดูดให้เม็ดเงินจำนวนมากหลั่งไหลเข้ามายังตลาดคริปโทฯ คือ ความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอย และ ผลของเงินเฟ้อ รวมกันสูงถึง 43% และอีก 30% คือความต้องการเข้ามาไล่ล่าผลตอบแทนที่สูงขึ้นและความต้องการกระจายสินทรัพย์การลงทุนจากสินทรัพย์อื่นๆที่มีอยู่เดิม

 

….บิทคอยน์ไม่สัมพันธ์กับสินทรัพย์อื่นจริงหรือ

บิทคอยน์ถูกทำให้มีสถานะเป็นดั่งทองคำในโลกของดิจิทัล หรือเป็นตัวแทนของสินทรัพย์เพื่อปกป้องความมั่งคั่งของนักลงทุนจากผลของการเฟ้อของค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐ หรือแม้กระทั่งสกุลเงินอื่นๆทั่วทั้งโลก เนื่องจากในระยะยาวแล้ว ค่าเฉลี่ยของความสัมพันธ์ของราคาบิทคอยน์ต่อสินทรัพย์ประเภทอื่นๆนั้นอยู่ในระดับที่ต่ำ ซึ่งเป็นเหตุผลสนับสนุน ให้การเลือกเอาบิทคอยน์มาอยู่ในพอร์ตโฟลิโอการลงทุนแล้ว จะทำให้ผลลัพธ์ของผลตอบแทนโดยรวมของพอร์ตดีขึ้น เพราะเวลาสินทรัพย์อื่นขึ้นหรือลง บิทคอยน์ก็ไม่จำเป็นต้องขึ้นหรือลงตาม แถมในอดีตที่ผ่านมา มองรวมๆบิทคอยน์ก็ขึ้นมาตลอด ดอลลาร์ก็อ่อนค่าลงตามปริมาณเงินที่พิมพ์เพิ่มออกมา

 

… บิทคอยน์ กับพลังของฟันด์โฟลวในปี 2021

ตั้งแต่ต้นปี 2021 Dollar Index ได้ปรับตัวขึ้นจาก 89.84 ในวันที่ 3/01/21 มาอยู่ที่ 92.56 ในวันที่25/03/21 ที่เขียนบทความอยู่นี้ นับเป็นการแข็งค่าขึ้นของสกุลเงินดอลลาร์กว่า 3% ภายในช่วงเวลา 3 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลจากการปรับตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐรุ่นอายุ 10 ปี ที่ได้ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และทำจุดสูงสุดที่ 1.75 ไปเมื่อวันที่  19/03/21 ที่ผ่านมา เพื่อสะท้อนการคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้นเพื่อควบคุมการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อ และตลาดสหรัฐเองยังมีมุมมองว่าเศรษฐกิจกำลังจะฟื้นตัวเร็วขึ้น ทั้งจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และ ตัวเลขผู้ติดเชื่อที่ลดลงอย่างรวดเร็ว

ซึ่งสำหรับนักลงทุนบางประเภท ที่เลือกใช้บิทคอยน์เป็นสินทรัพย์เพื่อหลีกหนีจากผลของเงินเฟ้อที่ลดทอนความสามารถในการซื้อของดอลลาร์สหรัฐลงนั้น นี่คงเป็นตัวเลขที่ต้องคอยจับตามองอย่างใกล้ชิดเลยทีเดียว เพราะหากสกุลเงินหลักของโลกอย่างดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นแล้ว กระแสของฟันด์โฟลวในโลกการลงทุนย่อมส่งผลกับราคาบิทคอยน์เช่นกัน

หากย้อนกลับไปดูตัวเลขในปี 2018 ที่ค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐปรับตัวแข็งค่าขึ้นจากระดับ 88.9 ไปยังจุดสูงสุดที่เกือบ 100 และคงอยุ่ในระดับสูงตลอดช่วง 2018-2020 นั้นส่งผลให้ราคาบิทคอยน์ถูกกดดันให้ราคาปรับตัวลงจากจุดสูงสุดในช่วงนั้นที่ราวๆ $20,000 และมาเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ $3,000 – $12,000 ตลอดช่วงระยะเวลา 2 ปี โดยที่ไม่สามารถทำจุดสูงสุดใหม่ได้อีกเลย จนกระทั่งถึงปี 2021 ซึ่งกลับมาเป็นตลาดกระทิงของบิทคอยน์อีกครั้ง

ผลของการแข็งค่าขึ้นของดอลลาร์สหรัฐในขณะนี้จึงยังคงกดดันราคาบิทคอยน์ต่อไป และเราจะยังคงเห็นภาพของการต่อสู้กันระหว่างผู้ออกนโยบาย ซึ่งสามารถกำหนดทิศทางของค่าเงินดอลลาร์ได้ กับนโยบายการเงินที่ตายตัวของบิทคอยน์ที่ถูกกำหนดไว้แล้วตั้งแต่เริ่มต้น ซึ่งพอจะตอบคำถามได้ว่า บิทคอยน์นั้นจะไปต่อหรือพอแค่นี้