สรุป BAD IDEAS ของ ARK INVEST

ช่วงนี้หลายคนให้ความสนใจกับ Ark invest กองทุนที่ลงทุนเลือกลงทุนในบริษัทที่เป็น Disruptive technology ซึ่งสร้างผลตอบแทนระดับ 150% ในปี 2020 ที่ผ่านมา เมื่อไม่นานมานี้ Ark ได้ออกบทวิเคราะห์ Big Ideas 2021 มา ว่าธุรกิจใดกำลังมุ่งสู่โลกอนาคต ซึ่งคนที่ติดตามการลงทุนมาตลอดคงพอเห็นผ่านตามาบ้างแล้วจากหลายเพจหรือหลายช่อง Youtube กับ 15 ไอเดียการลงทุนในธุรกิจจำพวก Deep learning, Delivery Drones, 3D Printing, etc.

แต่วันนี้เราจะไม่ได้มาพูดถึง Big Ideas ครับ (เพราะคนพูดไปเยอะแล้ว) ถ้าเราเข้าไปดูใน Website ของ Ark invest เราจะพบว่านอกจาก Big Ideas แล้ว Ark นั้นได้มีบทวิเคราะห์ Bad Ideas ไว้ด้วย โดยทีม Research ของ Ark นั้นได้วิเคราะห์ 5 ธุรกิจที่กำลังจะถูก Disrupt ผมจึงนำมาเผยแพร่ต่อเพื่อเป็นประโยชน์แก่นักลงทุน เจ้าของกิจการ หรือพนักงานในธุรกิจนั้นๆได้พิจารณาปรับตัว ซึ่งข้อมูลที่ Ark ศึกษานั้นเป็นข้อมูลจากประเทศสหรัฐอเมริกา แต่ก็นำมาประยุกต์ใช้กับประเทศไทยได้ครับ

1.Physical Bank Branches (สาขาของธนาคาร)

สิ่งที่มา Disrupt : กระเป๋าเงินดิจิตอลและโทรศัพท์มือถือ

กระเป๋าเงินดิจิตอลและโทรศัพท์มือถือจะทำหน้าที่เป็นสาขาของธนาคารในการทำธุรกรรมทางการเงินต่างๆ สิ่งที่เป็นโครงสร้างทางกายภาพจะกลายเป็นสิ่งไม่จำเป็นอีกต่อไป ส่งผลให้สินทรัพย์มูลค่ามหาศาลของสถาบันการเงินกำลังมีความเสี่ยงที่จะสูญเสียมูลค่า

มุมมองส่วนตัว : ตัวธุรกิจธนาคารเองนั้นยังคงมีความแข็งแกร่งเนื่องจากภาครัฐจำเป็นต้องมีธนาคารไว้เพื่อใช้ในการกำหนดนโยบายทางการเงิน ดังนั้นหากมีสิ่งใดจะเข้ามาทำหน้าที่แทนหรือสร้างผลเสียต่อธนาคารย่อมต้องถูกกีดกันทางกฎหมาย จึงเรียกได้ว่ารูปแบบการใช้งานของธนาคารมีการเปลี่ยนแปลงไปจะดีกว่า

2.Brick and Mortar Retail (ร้านค้าปลีกที่มีหน้าร้าน)

สิ่งที่มา Disrupt : E-commerce

จริงๆเทรนนี้เราทราบกันดีแล้ว และ Covid-19 เป็นตัวเร่งกระบวนการเปลี่ยนผ่านนี้ให้เร็วขึ้นไปอีก ร้านค้าปลีกที่น่ากังวลคือร้านค้าปลีกที่มีพื้นที่ใช้สอยจำนวนมาก เนื่องจากพื้นที่เหล่านั้นจะสูญเสียมูลค่าในการสร้างรายได้ ทำให้สัดส่วน รายได้/ตารางเมตร นั้นลดลงมหาศาล

Ark เชื่อว่า อีกไม่นานการขนส่งไมล์สุดท้าย (Last-Mile Delivery) จะทำผ่านโดรนเป็นส่วนใหญ่ ทำให้ผู้บริโภคได้รับสินค้าอย่างรวดเร็วขึ้นมาก ในปี 2030 การซื้อของออนไลน์จะกินสัดส่วนถึง 60% ของทั้งโลก จะมีบริษัทบางส่วนที่สามารถปรับตัวได้ บางส่วนอาจต้องประสบภาวะล้มละลาย อาคาร สถานที่ หรือสินทรัพย์ต่างๆที่ร้านค้าปลีกครอบครองอยู่จะถูกด้อยมูลค่าลง

มุมมองส่วนตัว : เรื่องนี้ผมมองว่าผู้ประกอบการค้าปลีกทุกรายทราบดีอยู่แล้วกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นและเตรียมพร้อมรับมือ สำหรับผู้ประกอบการค้าปลีกรายเล็กจำเป็นต้องหาความรู้ด้านการตลาดออนไลน์เอาไว้ให้มาก ส่วนนักลงทุนนั้นแนะนำให้เลี่ยงลงทุนธุรกิจสมัยเก่าไปเลย และหันไปลงทุนธุรกิจ E-Commerce และ Supply chain ที่เกี่ยวข้องกันจะดีกว่า

3.Linear TV (เคเบิ้ลทีวี)

สิ่งที่มา Disrupt : Streaming

ธุรกิจเคเบิ้ลทีวีนั้นเหมือนกับสตรีมมิ่งคือมีการเก็บค่าบริการรายเดือน แต่ในยุคนี้คนดูสมัยใหม่ต้องการตัวเลือกใหม่ๆเสมอ สิ่งที่ Streaming เหนือกว่านั้นคือการที่ผู้ให้บริการสามารถตอบสนองความต้องการรับชมของผู้ใช้บริการด้วย AI อัลกอริทึ่ม ทำให้แนวโน้มการใช้บริการเคเบิ้ลทีวีต่ำลงเรื่อยๆ แต่ผลกระทบนี้ไม่ส่งผลต่อช่องกีฬา

มุมมองส่วนตัว : เมื่อมาดูในไทยกระบวนการนี้ดูเหมือนจะรวดเร็วกว่าที่สหรัฐอเมริกา และนักลงทุนรู้ดีกว่าการลงทุนในหุ้นช่องทีวีเป็นการลงทุนที่เสี่ยงสูง(ทั้งเคเบิลทีวี และทีวีดิจิตอล) และนักลงทุนในไทยต่างมองข้ามธุรกิจนี้เป็นที่เรียบร้อย ดังนั้นไม่จำเป็นต้องเตือนใดๆครับ

4.Freight Rail (การขนส่งทางราง)

สิ่งที่มา Disrupt : Autonomous EV truck

ปัจจุบันการขนส่งที่ถูกที่สุดเมื่อเทียบน้ำหนัก(ตัน) ต่อระยะทาง(ไมล์) ได้แก่ เรือ (0.01$) รถไฟ (0.04$) รถบรรทุกดีเซล(0.12$) เครื่องบิน(1.36$) ตามลำดับ ในอนาคตการเข้ามาของ Autonomous EV truck จะมีต้นทุนต่ำกว่ารถไฟ อยู่ที่ 0.03$/Ton/Mile ซึ่งจะสร้างแรงกดดันแก่ผู้ให้บริการขนส่งทางรางจนถึงขั้นล้มละลาย

มุมมองส่วนตัว : ตั้งแต่การคมนาคมทางถนนสะดวกขึ้นในไทยเราแทบจะไม่ใช้การขนส่งสินค้าทางรางอยู่แล้วเนื่องจากประเทศไทยมีขนาดเล็ก แต่ประเด็นเรื่อง Autonomous EV truck น่าสนใจว่าหากนำมาใช้จริงจะเปลี่ยนแปลงรูปแบบการแข่งขันของบริษัทขนส่งไปในทางไหน เนื่องจากแต่เดิมการขนส่งด้วยสิบล้อแต่เดิมจำเป็นต้องใช้คนขับ หากรถยนต์สามารถขับเคลื่อนได้เอง บริษัทขนส่งรายย่อยที่มีรถจำนวนไม่มากจะยังอยู่ได้หรือไม่ เพราะจะรถ 10 คัน หรือ 1000 คัน ก็สามารถควบคุมมาตรฐานการทำงานได้แล้ว

5.การขนส่งแบบดั้งเดิม (Traditional Transportation)

สิ่งที่มา Disrupt : Robotaxi (แท็กซี่ขับเคลื่อนอัตโนมัติ)

Ark invest ได้กล่าวถึงการขนส่งจำพวก รถรับจ้าง, ไฟล์บินสั้น, การขนส่งมวลชน ที่จะถูกแทนที่ด้วย Robotaxi ทำให้ 10 ปีต่อจากนี้ จำนวนการขายรถยนต์จะลดลงราว 40% ประกันรถยนต์ต้องลดเบี้ยประกันลงกว่าครึ่ง ธุรกิจสินเชื่อรถยนต์ถูกทำลาย และความต้องการใช้น้ำมันจะลดลงเร็วกว่าที่ทุกคนคาดไว้ จากการศึกษาของ Ark พบว่า Taxi ปัจจุบันมีต้นทุนการเดินทางที่ 3.5$ ต่อไมล์ รถยนต์ส่วนบุคคลมีต้นทุนอยู่ที่ 0.7$ ต่อไมล์ แต่ Robotaxi นั้นมีต้นทุนอยู่เพียง 0.25$ ต่อไมล์เท่านั้น ถูกกว่าแท็กซี่ถึง 14 เท่า (ตัวเลขนี้ใช้กับประเทศไทยไม่ได้นะ) ซึ่ง Robotaxi จะเข้าไป Disrupt ธุรกิจรถยนต์ทั้ง Supply chain ซึ่งมีมูลค่าสูงถึง 7.7 ล้านล้านดอลล่าห์

มุมมองส่วนตัว : หากเป็นไปได้จริงเรื่องนี้จะส่งผลกระทบทั้งเรื่องวิถีชีวิต และธุรกิจจำนวนมาก ใน Ark นั้นยังไม่ได้พูดถึงร้านอะไหล่ อู่ซ่อมรถ ตัวแทนขายรถยนต์ หรือกระทั่งเด็กขายพวงมาลัยตามสี่แยก ซึ่งแนวโน้มเรื่องนี้ไม่ได้ไกลเกินฝัน ดังนั้นหากเราไม่สามารถเปลี่ยนกระแสโลกได้ เราจึงต้องนำเงินบางส่วนไปลงทุนในธุรกิจ Autonomous Car กันบ้างนะครับ

จะเห็นว่าทุกอย่างที่ Ark พูดถึงกำลังแทรกเข้ามาอย่างแนบเนียน เมื่อ 10 ปีก่อนใครจะไปคิดว่าชีวิตเราต้องดู Netflix อีก 10 ปีข้างหน้าเราอาจกำลังนั่งอยู่บน Robotaxi แล้วนึกย้อนกลับมาตอนนี้ว่าใครจะไปคิดว่าวิถีชีวิตของเราจะเปลี่ยนไปรวดเร็วขนาดนี้

ขอให้มีความสุขกับการลงทุนครับ

ขอบคุณครับ

Big Ideas https://research.ark-invest.com/hubfs/1_Download_Files_ARK-Invest/White_Papers/ARK%E2%80%93Invest_BigIdeas_2021.pdf?hsCtaTracking=4e1a031b-7ed7-4fb2-929c-072267eda5fc%7Cee55057a-bc7b-441e-8b96-452ec1efe34c&fbclid=IwAR2EgKAqAfIApHMIAkIfwyQCgu7ATWPBDj-GMvt-yds78XnXIIdhcAy6ooU
Bad Ideas https://research.ark-invest.com/hubfs/1_Download_Files_ARK-Invest/White_Papers/ArkInvest_101420_Whitepaper_BadIdeas2020.pdf?hsCtaTracking=0337ad18-a379-4842-9a3d-265329490a73%7C212b2d19-5147-4e06-9dd4-8a2a95bd383a