“ถามตอบทุกเรื่องหุ้น ทองคำ TFEX น้ำมัน กับอาจารย์นิพนธ์ #42”

ถามตอบทุกเรื่องหุ้น ทองคำ TFEX น้ำมัน กับอาจารย์นิพนธ์ #42

 

โดย อ. นิพนธ์ สุวรรณประสิทธิ์

วันที่ 19 พ.ค. 2565

 

 

             การฟังมา 42 ครั้ง ถ้าใครที่ได้ติดตามตลอดก็จะไม่ติดในหุ้น ซึ่งเราซื้อหุ้นครั้งสุดท้าย เมื่อปลายพฤศจิกายน 64 จนเริ่มขายไปช่วงเดือนมกราคม 65 ทุกคนต้องขายหุ้นให้หมดไปตอนต้นเดือนเมษายน เพราะฉะนั้นพอถึงวันนี้พอร์ตเราจะว่าง ซึ่งตอนนี้จะมีหุ้นที่แนะนำ คือ CKP อยู่แถวประมาณ 5 บาท หรือบางคนอาจจะมีหุ้นของโรงพยาบาลเอกชัย หรือ โรงพยาบาลรามคำแหงที่ติดอยู่ในพอร์ต ไม่น่าจะเกิน 30% ของพอร์ต เพราะฉะนั้นหุ้นเราก็คงจะฟังมาโดยตลอดว่าเราไม่ยึดติดกับ SET ไม่ต้องสนใจ SET ไม่เกี่ยวกับการลงทุนในหุ้น ถ้าเราจะวิเคราะห์ SET ก็คือเราจะไปเล่น TFEX

             โดยภาพทั้งหมดในเรื่องของ SET INDEX เราต้องบอกว่าที่ SET ลงมาเป็นเซนติเมนต์ของภาพใหญ่ของโลก ในเรื่องของผลที่เกิดจากการที่มีการฉีด QE เข้ามาทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อไปทั่ว แล้วก็แก้ปัญหากันไม่ได้และยังมีการถูกซ้ำเติมจากการที่รัสเซียไม่ยอมให้น้ำมันลง อันนี้ก็จะเกิดภาวะเงินเฟ้อที่เรียกว่า Cost Push Inflation แต่ตัวของ Demand Pull Inflation เกิดจากการที่อเมริกา พิมพ์ QE รวมทั้งอังกฤษ ยุโรป และญี่ปุ่น พิมพ์เงินเข้าไปในระบบ จึงเป็นผลทำให้ตราสารหนี้ของโลกขึ้น เพราะ QE ทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ

             ทางส่วนเครื่องมือทางการเงินที่เรียนกว่า ดอกเบี้ย จริงๆ แล้วไม่เคยฟื้น ซึ่งถ้าเราย้อนไปดูปี 2008 เคยมีการลดดอกเบี้ยลงจนถึง 0% แล้ว หรือตอนนี้ทางยุโรปก็มีการลดดอกเบี้ยลงไปจนถึง 0% แล้วก็ไม่ได้ทำให้เศรษฐกิจโตขึ้นมา ตลาดหุ้นยุโรปที่โตขึ้นมาเพราะมีการฉีด QE เข้าไป ซึ่งในตลาดหุ้นดาวโจนส์ (Dow Jones : DJI) และ ดัชนี Nasdaq ที่โตขึ้นมาเพราะมีการฉีด QE เข้าไป หุ้นไม่ได้ขึ้นเพราะพื้นฐาน การที่หุ้นขึ้นแบบนี้จะทำให้หุ้นไม่มีเสถียรภาพ เพราะฉะนั้นเราจะไม่รู้เลยว่าหุ้นจะลงไปถึงไหน แต่เราคิดว่าการลด PE ที่เหมาะสมในภาวะที่ดอกเบี้ยขาขึ้น ไม่ใช่ที่ 18-19% ตอนนี้ PE เราอยู่ที่ 19% ที่เหมาะสมจริงๆ ก็น่าจะประมาณ 14%

             อ. นิพนธ์ แนะนำว่า หุ้นอยู่ที่แต่ละคนแล้ว ใครที่ติดหุ้นอยู่ก็พยายามขายหุ้นแล้วถือเงินสด การลงทุนไม่มีการโทษใคร ถ้าขาดทุนก็คือขาดทุน กลยุทธ์สำคัญกว่าเป้าหมาย กลยุทธ์ตอนนี้คือถ้าจะซื้อหุ้นให้มองไปยาวๆ รอขายอีกทีก็สิ้นปี 2566 ตอนนั้นหุ้นจะเป็นขาขึ้น เมื่อหุ้นขึ้นให้ขายตอนนั้น แต่ซื้อหุ้นอะไรแล้วราคาถูก ให้ไปดูต่อที่โครงสร้างของการขึ้นในรายได้ในระยะยาว อาจจะมองยาวกว่านั้นก็ได้ หุ้นตัวไหนที่มีรายได้เข้ามา มีการเติบโตได้ในระยะเวลา 2-3 ปี เป็นจังหวะที่ดีในตอนที่ภาพรวมของตลาดลงแล้ว หุ้นพื้นฐานดีๆ ก็ลงมาด้วย เราสามารถที่จะไปซื้อได้ อาจจะใช้เงินประมาณ 40% ของพอร์ต ถือเงินสดอีก 60% เพื่อรอซื้อในภาพใหญ่ของหุ้น ถ้า SET ลงจบ เราก็สามารถที่จะซื้อเข้าไปเต็มพอร์ตได้ อาจจะเต็มพอร์ตช่วงปลายปี หุ้นที่เกี่ยวข้องกับ SET ไม่ควรที่จะรีบซื้อ ห้ามซื้อวันที่ยังบวกอยู่ เป็นการซื้อสะสม 10% ของพอร์ต ก็ซื้อไปก่อนประมาณ 5% ในจังหวะที่ลง ถ้าไม่ลงก็ไม่ต้องซื้อ ในช่วงนี้ก็ไม่รู้ว่าจะลงถึงไหน เพราะการลงของเราจะลงเพราะเซนติเมนต์ต่างประเทศไม่ดี ทำให้เราลง ซึ่งเป็นโอกาสที่จะซื้อหุ้นพื้นฐานดี แต่หุ้นเก็งกำไรจะปวดหัวมาก เพราะตลาดรวมเป็นขาลงถ้าเก็งกำไรก็ค่อนข้างจะยาก

             ส่วน TFEX แนะนำว่าให้หยุดเล่นไปก่อน สำหรับผู้ที่ยังไม่สามารถที่จะสร้างระบบสำหรับการเล่น Futures ได้อย่าเพิ่งเล่น TFEX ตอนนี้อาจจะง่ายก็จริงสำหรับคนที่เล่นไม่เป็น ถ้าเราไม่เข้าใจ TFEX สามารถเหวี่ยงได้ 941 – 973 คือ 30 จุด ซึ่งก็คือ 6 พัน กับการวางเงิน 1 หมื่น 60% ถ้าได้เยอะ ก็สามารถเสียเยอะได้เช่นกัน

 

หากคุณสนใจต้องการรับสิทธิ์พิเศษ และรับชมย้อนหลังได้ทุกการบรรยายผ่านช่องทางออนไลน์ กับโครงการคอร์สการลงทุน CSI ซึ่งได้รวบรวมและจัดหลักสูตร CSI-Pack กว่า 400 คอร์สการลงทุน

**พิเศษ! คอร์ส CSI-Pack สมาชิกรายเดือน เพียง!! 1,990 บาท จากปกติ 5,900 บาท ลงทะเบียนแล้วเริ่มเรียนได้ทันที

     สามารถสมัครออนไลน์ได้แล้ววันนี้ https://csisociety.com/csi-pack/